
ในยุคที่เกมมือถือกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเด็กๆ หลายครอบครัวต้องเผชิญกับคำถามที่ว่า “ควรให้ลูกเล่นเกมอะไรดี?” และ “เกมไหนที่อาจเป็นอันตรายต่อลูก?” การที่เด็กเล่นเกมนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกในสมัยนี้ แต่การเลือกเกมที่เหมาะสมต้องอาศัยความรู้และการดูแลอย่างใกล้ชิดจากพ่อแม่ วันนี้เราจะมาแนะนำ 10 เกมที่พ่อแม่ควรรู้จักก่อนให้ลูกเล่น โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ เกมที่ดีสำหรับเด็ก และเกมที่ควรระวัง พร้อมด้วยคำแนะนำสำหรับพ่อแม่ในการดูแลลูกให้เล่นเกมอย่างปลอดภัยและเหมาะสม
กลุ่มที่ 1: เกมที่ดีสำหรับเด็ก
1. Minecraft (ทุกแพลตฟอร์ม)
Minecraft เป็นเกมสร้างสรรค์ที่ช่วยพัฒนาจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก ในเกมนี้ ผู้เล่นจะได้สร้างโลกของตัวเองด้วยบล็อกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ้าน ปราสาท หรือแม้กระทั่งเมืองใหญ่
เหมาะสำหรับอายุ: 7 ปีขึ้นไป
ข้อดี: ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการแก้ปัญหา และการทำงานเป็นทีม
ข้อควรระวัง: ควรตั้งค่าโหมด Creative หรือ Peaceful เพื่อหลีกเลี่ยงมอนสเตอร์ที่อาจทำให้เด็กตกใจ
2. Toca Life Series
ซีรีส์เกม Toca Life เป็นเกมจำลองชีวิตที่เด็กๆ สามารถสวมบทบาทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหมอ ครู หรือเชฟ เกมนี้ไม่มีการแข่งขันหรือเป้าหมายที่ชัดเจน ทำให้เด็กได้เล่นอย่างสบายใจ
เหมาะสำหรับอายุ: 3-9 ปี
ข้อดี: ส่งเสริมจินตนาการ ทักษะทางสังคม และการเล่าเรื่อง
ข้อควรระวัง: ไม่มีข้อกังวลใหญ่ แต่ควรจำกัดเวลาเล่น
3. Duolingo
แอปพลิเคชันเรียนภาษาที่ทำให้การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุก ด้วยระบบเกมที่น่าสนใจ เด็กจะได้เรียนภาษาใหม่ๆ ผ่านการเล่นเกมที่หลากหลาย
เหมาะสำหรับอายุ: 6 ปีขึ้นไป
ข้อดี: พัฒนาทักษะภาษา เพิ่มความรู้ และสร้างนิสัยการเรียนรู้
ข้อควรระวัง: ควรให้ผู้ใหญ่ช่วยเหลือเด็กเล็กในการใช้งาน
4. Monument Valley
เกมปริศนาที่มีกราฟิกสวยงามและดนตรีประกอบที่น่าฟัง ผู้เล่นจะต้องช่วยเจ้าหญิงเดินทางผ่านโลกที่เต็มไปด้วยภาพลวงตาและสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่ง
เหมาะสำหรับอายุ: 8 ปีขึ้นไป
ข้อดี: พัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ความอดทน และการมองภาพในมิติต่างๆ
ข้อควรระวัง: อาจท้าทายเกินไปสำหรับเด็กเล็ก
5. Scratch Jr
แอปพลิเคชันสำหรับสอนหลักการเขียนโปรแกรมให้กับเด็กเล็ก โดยใช้บล็อกสีสันสดใสที่เด็กสามารถลากวางเพื่อสร้างการ์ตูนและเกมของตัวเอง
เหมาะสำหรับอายุ: 5-7 ปี
ข้อดี: เป็นพื้นฐานการเขียนโปรแกรม ส่งเสริมการคิดเชิงตรรกะ
ข้อควรระวัง: ต้องการการแนะนำจากผู้ใหญ่ในช่วงแรก
กลุ่มที่ 2: เกมที่ควรระวัง
6. Free Fire
เกมแบตเทิลรอยัลที่ได้รับความนิยมสูงในหมู่เด็กไทย แต่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการต่อสู้และความรุนแรงที่อาจไม่เหมาะสมกับเด็กเล็ก
กลุ่มเป้าหมาย: วัยรุ่น
ข้อกังวล: ความรุนแรง การใช้จ่ายเงินในเกม และการติดเกมง่าย
คำแนะนำ: หากอนุญาตให้เล่น ควรจำกัดเวลาและตรวจสอบการใช้จ่าย
7. PUBG Mobile
เช่นเดียวกับ Free Fire เป็นเกมแบตเทิลรอยัลที่มีเนื้อหาความรุนแรง และมีระบบการซื้อของในเกมที่อาจทำให้เด็กใช้เงินมากเกินไป
กลุ่มเป้าหมาย: ผู้ใหญ่และวัยรุ่น
ข้อกังวล: ความรุนแรง การพนัน และการใช้เวลามากเกินไป
คำแนะนำ: ไม่แนะนำสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี
8. Roblox
แม้ว่า Roblox จะมีเกมที่เหมาะสำหรับเด็ก แต่ก็มีเกมย่อยบางเกมที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม และมีความเสี่ยงจากการสื่อสารกับคนแปลกหน้า
เหมาะสำหรับอายุ: 9 ปีขึ้นไป (ภายใต้การดูแล)
ข้อกังวล: เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม การสื่อสารกับคนแปลกหน้า
คำแนะนำ: ควรตั้งค่าความปลอดภัยและตรวจสอบเกมที่ลูกเล่น
9. Among Us
เกมหาผู้ทรยศที่ต้องใช้การโกหกและหลอกลวงเป็นกลยุทธ์หลัก อาจส่งผลต่อพฤติกรรมของเด็กในชีวิตจริง
เหมาะสำหรับอายุ: 10 ปีขึ้นไป
ข้อกังวล: การโกหกและหลอกลวงเป็นส่วนหนึ่งของเกม
คำแนะนำ: ควรอธิบายให้เด็กเข้าใจว่าเป็นเพียงเกม ไม่ใช่พฤติกรรมที่ดีในชีวิตจริง
10. Garena RoV (Arena of Valor)
เกม MOBA ที่มีการต่อสู้และแข่งขันสูง อาจทำให้เด็กเครียดและมีพฤติกรรมก้าวร้าวได้
กลุ่มเป้าหมาย: วัยรุ่นและผู้ใหญ่
ข้อกังวล: ความรุนแรง การแข่งขันสูง และการใช้เงินในเกม
คำแนะนำ: ไม่แนะนำสำหรับเด็กเล็ก ควรจำกัดเวลาเล่น

คำแนะนำสำหรับพ่อแม่ในการดูแลลูกที่เล่นเกม
การตั้งค่าการควบคุมโดยผู้ปกครอง
การใช้ระบบ Parental Controls เป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องลูก ไม่ว่าจะเป็นการจำกัดเวลาเล่น การปิดการซื้อของในเกม หรือการกรองเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ในระบบ iOS และ Android ต่างก็มีเครื่องมือเหล่านี้ให้ใช้งาน
การสังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลง
พ่อแม่ควรสังเกตอาการเตือนภัยต่างๆ เช่น การเล่นเกมนานเกินไป การไม่สนใจกิจกรรมอื่น การมีพฤติกรรมก้าวร้าวหลังเล่นเกม หรือการขอเงินเพื่อซื้อของในเกมบ่อยครั้ง หากพบอาการเหล่านี้ ควรหาวิธีแก้ไขอย่างเหมาะสม
การสร้างกฎระเบียบในการเล่นเกม
การตั้งกฃเกณฑ์ที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญ เช่น กำหนดเวลาเล่นเกมในแต่ละวัน สร้างพื้นที่ปลอดเกมในบ้าน หรือกำหนดให้ทำการบ้านเสร็จก่อนเล่นเกม กฎเหล่านี้จะช่วยให้เด็กเรียนรู้การบริหารเวลาและสร้างความสมดุลในชีวิต
การเล่นเกมร่วมกับลูก
หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเข้าใจโลกของลูกคือการเล่นเกมร่วมกัน ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เข้าใจเนื้อหาของเกม แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อแม่และลูกอีกด้วย
การศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม
ในโลกของเกมมือถือที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พ่อแม่ควรพยายามศึกษาข้อมูลเกมใหม่ๆ อยู่เสมอ การอ่านรีวิวเกม การสอบถามจากผู้ปกครองคนอื่น หรือการติดตามข่าวสารเกี่ยวกับเกมอันตรายจะช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
หากคุณต้องการดูรายชื่อเกมมือถือที่ควรหลีกเลี่ยงโดยเฉพาะ เข้าไปดูที่นี่: 5เกมที่อาจส่งผลต่อสมาธิลูก
การสร้างทักษะการคิดวิเคราะห์ให้กับลูก
การสอนลูกให้คิดวิเคราะห์เนื้อหาที่พบในเกมเป็นทักษะสำคัญ ช่วยให้เด็กสามารถแยกแยะระหว่างสิ่งที่ดีและไม่ดี ระหว่างความเป็นจริงและจินตนาการ และเรียนรู้ที่จะตั้งคำถามกับสิ่งที่พบเจอในโลกดิจิทัล
บทสรุป
การที่เด็กเล่นเกมในยุคนี้เป็นเรื่องปกติ แต่การเลือกเกมที่เหมาะสมและการดูแลอย่างใกล้ชิดจากพ่อแม่นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง การรู้จักเกมที่ควรหลีกเลี่ยงและการมีคำแนะนำสำหรับพ่อแม่ที่เหมาะสมจะช่วยให้ลูกได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยี โดยไม่ต้องเสี่ยงต่ออันตรายที่อาจเกิดขึ้น
จำไว้ว่า การสื่อสารที่เปิดเผยและการให้ความสนใจลูกอย่างใกล้ชิดคือกุญแจสำคัญในการช่วยให้ลูกใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัยและสร้างสรรค์ ไม่ว่าโลกดิจิทัลจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ความรักและการดูแลจากพ่อแม่ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลี้ยงดูเด็กให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี
ส่วนนี่ คือ 10 เกมที่เราอยากแนะนำ